ม้าต่างไหม
หากเอ่ยถึงศิลปะล้านนาแล้ว งานด้านสถาปัตยกรรมถือว่าเป็นงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่นกว่าศิลปกรรมในด้านอื่นๆ อาจสังเกตได้จากวิหารแบบล้านนามักจะมีลักษณะเป็นอาคารเครื่องไม้เกือบทั้งหลัง รูปทรงของวิหารค่อนข้างลาดเตี้ยและมีโครงสร้าง ของเครื่องบนเป็นแบบเหลี่ยมชั้น ซ้อนกันจากใหญ่ไปหาเล็ก ซึ่งแบบแผนโครงสร้างแบบนี้เป็นลักษณะเฉพาะตัวที่มีชื่อเรียกเฉพาะว่า “ม้าต่างไหม” จัดเป็นภูมิปัญญาด้านสถาปัตยกรรมของชาวล้านนามาแต่ครั้งโบราณ
ที่มาของคำว่าม้าต่างไหมมาจากการที่พ่อค้าม้าในล้านนาได้บรรทุกผ้าไหมบนหลังม้าไปขายบน เส้นทางสายไหมในสมัยก่อน คำว่า “ต่าง” ในภาษาล้านนาแปลว่าบรรทุก จากลักษณะของการบรรทุก ผ้าไหมบนหลังม้านี้เองที่กลายเป็นแนวคิดในด้านสถาปัตยกรรมในเรื่องการถ่ายทอนน้ำหนักด้วยการนำท่อนไม้มาเรียงซ้อนต่อกันใน 3 ระดับ ลดหลั่นหลังคาจากห้องประธานลงมาทางด้านหน้าและด้านหลัง โดยมีเสาไม้ขนาดใหญ่เป็นเสมือนขาม้าเพื่อรองรับน้ำหนักทั้งหมด ด้วยภูมิปัญญาล้านนาแบบม้าต่างไหมนี้ ทำให้อาคารมีความสวยงามและมีประโยชน์ในแง่สถาปัตยกรรมสามารถถ่ายเทอากาศได้ดี
หลังคาของวิหารแบบล้านนานี้ มักซ้อนกันหลายชั้นจากเล็กไปหาใหญ่ ทิ้งจังหวะเป็นระยะๆ ทางล้านนาจะเรียกการลดชั้นของหลังคาแบบนี้ว่า “ซด” และเรียกการซ้อนชั้นของผืนหลังคาด้านข้างว่า “ตับ” ลักษณะรูปแบบของวิหารแบบนี้ ยังมีตัวอย่างให้เห็นในปัจจุบัน อย่างเช่นที่ วิหารวัดปงยางคก อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง
วันที่: Sun May 05 01:01:25 ICT 2024
|
|
|